
Where: Choburi Bangsean
Event : มหกรรมสาธารณะสุข เดิน-วิ่ง เขาสามมุข สร้างสุขภาพ ครั้งที่ 10
Date : 25 Dec 2011
This event is my first half marathon 21 km run. It is happiness with pain because of knee ache from tennis 2 weeks ago and it backed again at KM4 and getting bad at KM18. Anyway, I achieved my goal to reach finish line within 2.30hr target. I made it at 2.17hr. Yahoo...
ประสบการณ์ใหม่กับความท้าทายในรายการhalf marathonครั้งแรก ก่อนวันแข่งซึ่งมักจะนอนไม่หลับถ้าไม่ได้ออกกำลังกายเลยไปขี่จักรยานเล่นๆ ไปๆมาๆเลยปั่นไปถึงจุดลงทะเบียนเพื่อสมัครล่วงหน้าและดูเส้นทางวิ่งด้วย ก็เพิ่งรู้ว่าถนนที่เขาสามมุขเค้าทำใหม่เป็นจุดชมวิวที่สวยเหมือนกัน แม้ลมจะแรงแต่บรรยากาศพระอาทิตย์ตกทะเลก็น่ามองอยู่เสมอ กว่าจะกลับถึงบ้านก็มืดเพราะปั่นไปกลับก็ร่วม2ชม. กังวลว่าวันแข่งกล้ามเนื้อขาจะไหวไหมหนอ
--> กลางคืนกลับได้ดี(ก็เหนื่อยจากปั่นจย.นี่) ตื่นแต่ตี4.15ไปถึงจุดปล่อยตัวตั้งแต่ตี5 อากาศหนาวมาก 20องศาเอง ลมแรงด้วย กว่าจะได้เริ่มวิ่งช้ากว่ากำหนดไป20นาทีเพราะรองผู้ว่าพูดนานจริงๆ สงสัยลุ้นตำแหน่งใหม่อยู่ :P
--> ครั้งนี้วิ่งตามแผนที่คิดไว้ว่าจะไม่รีบ ไปเรื่อยๆ แต่พอปล่อยตัวไปได้3กม. มีรถพยาบาลและรถกู้ภัยวิ่งประกบท้าย คอยส่องไฟให้ อ้าวนี่เราวิ่งช้าไปตกกลุ่มท้ายสุดเลยนี่กว่า เอ้าเร่งอีกนึดจะได้ไล่ความหนาว ไปได้ถึงจุดเติมน้ำที่2 หรือกม.ที่4 อาการเจ็บเข่าขวาก็เริ่ม เราคิดว่ามันหายไปแล้วนี่นา เอ้าทนไปเรื่อยๆวิ่งช้าๆก็ได้ว่ะ ท่องเอาไว้ ใจเป็นนายกายเป็นบ่าว อย่าไปคิดถึงความเจ็บปวดให้มองไปข้างหน้าวิ่งไปเรื่อยๆ
--> พอไปได้ถึงกม.5.5 กลุ่มนำของmini-marathonตามมา ดีเหมือนกันมีัคนมาวิ่งร่วมด้วย ไม่เหงาแล้วละ ปล่อยเค้าแซงไปเรื่อยๆ พอถึงกม.7กลุ่มมินิก็กลับตัว เหลือแต่halfต้องวิ่งต่อ เออ..ยังพอมีนักวิ่งเหลือในเส้นทางเดียวกัน หลายๆคนที่เคยแซงเราไปเริ่มชลอในกม.ที่9 สงสัยแรงหมดหรือออมแรงไว้ก็ไม่รู้
--> กม.10 เราวิ่งได้ดีขึ้น(สงสัยเครื่องเพิ่งติดและร่างกายชินกับความเจ็บปวดที่หัวเข่าขวา) แซงไปได้อีกเกือบ8คน ถ้าไปได้อย่างนี้สบายแน่ ตลอดทางเราไม่กล้าดื่มน้ำเพราะกลัวจะจุก เลยได้แต่จิบแค่ครึ่งอึกแล้ววิ่งต่อ
--> กม.13 เริ่มปวดกล้ามท้อง เอาละสิ ถ้าเป็นตระคริวที่กะบังลมคงต้องออกจากการแข่งขัน ลดความเร็วลงดีกว่า
--> กม.17 ระหว่างวิ่งเลียบชายหาดวอนนภา ลมแรงมากขึ้นและหอบฝุ่นทรายมาด้วย ต้องหรี่ตาวิ่งแล้วจู่ๆก็มีทางมะพร้าวหล่นอันเบ่อเรื้อเกือบโดนหัว เอ้อ..ไม่เป็นไรยังไงก็ไม่ใช่ลูกมะพร้าว
--> กม.18 วิ่งจวนจะพ้นชายหาดพื้นตัวหนอนแล้ว จะได้วิ่งถนนพื้นเรียบๆเสียที เข่าขวาท่าจะไม่ไหวแล้ว ต้องประคองให้ช้าที่สุด ยังไงออกจากจุดstart เราต้องไปให้ถึงfinish lineให้ได้
--> กม.19 อาการขาดน้ำและเกลือแร่เริ่มชัด ริมฝีปากแห้ง มือเท้าเริ่มชา โชคดีที่กม.20มีน้ำเกลือแร่ให้ ต้องดื่มแล้ว จะจุกก็ไม่กลัวแล้วเพราะดีกว่าเป็นตระคริวทั้งตัว
--> กม.สุดท้าย ต้องใช้ความอดทนสูงขึ้น เราต้องไหว น้องวัยรุ่นที่เดิน5กม.เดินสวนทางมาให้กำลังใจด้วย พี่จะถึงแล้ว เราจะไม่ยอมเดิน เราต้องวิ่ง
--> ในที่สุดก็มาถึง เราทำได้แล้ว หาจุดให้น้ำดื่มไม่เจอคนเยอะมาก หมดสภาพเดินก็จะไม่ไหว ได้ข้าวต้มมาถ้วยนึง ค่อยๆฟื้น ร่างกายคนเรานั้นไม่ตายง่ายๆหรอก จากนั้นได้น้ำแดงอีกแก้ว โทรหาเพื่อนๆในชมรมที่เค้าวิ่งมินิปรากฎว่าเค้าไปกินข้าวที่หนองมนกันแล้ว โธ่เพื่อนไม่รอเราเลย
กลับมาถึงบ้านชั่งนน.ดูหายไป3กก. หาน้ำเกลือแร่ดื่มแล้วเกาะปีนบันไดนอนดีกว่า เข่าเดี้ยงสุดๆ พอตอนบ่ายเพื่อนโทรมาชวนไปรายการใหญ่รายการหน้าที่จอมบึง เอ้าต้องรีบหายรีับซ้อมอีกแล้ว ชีวิตมันต้องวิ่งไปเรื่อยๆ running for life
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น